โครงงาน IS
ไข่เค็มสมุนไพร
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี
โครงงาน
ไข่เค็มสมุนไพรครูที่ปรึกษาโครงงานนางสาวยุพาภร สุขสามจัดทำโดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 2รายงานโครงงานไข่เค็มสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา วิชา IS 3ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรีเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 18
ชื่อโครงงาน ไข่เค็มสมุนไพรผู้รับผิดชอบ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 2ที่ปรึกษาโครงงาน นางสาวยุพาภร สุขสามสถานที่จัดทำ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรีโครงงานประเภท สิ่งประดิษฐ์และพัฒนา
บทคัดย่อ
เนื่องจากทางคณะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้ไปศึกษาดูงานนอกสถานที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านสารภี อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม และได้นำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพการสร้างรายได้ กลับมาพัฒนาเพื่อสร้างทักษะ ความรู้ การทำงาน การสร้างรายได้ในระหว่างเรียนให้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 502 และเพื่อเป็นการศึกษาหลักการทางวิทยาศาสตร์ว่าจะมีความแตกต่างมากน้อยเพียงใดกับสิ่ง ที่มีอยู่ตามท้องตลาด ในการทำโครงงานไข่เค็มจากกลิ่นสมุนไพรจึงมีแนวคิดใหม่ ในการพัฒนาให้มีไข่เค็ม รสชาติ และ กลิ่นที่เพิ่มมากขึ้นจากของเดิมที่มีวางขายตามท้องตลาด และเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงไปในตัวอีกด้วยกิตติกรรมประกาศ
โครงงานเรื่องนี้ประกอบด้วยการดำเนินงานหลายขั้นตอน นับตั้งแต่การศึกษาข้อมูล การวิเคราะห์การจัดทำโครงงานรูปเล่ม การลงมือปฏิบัติงาน จนกระทั่งโครงงานนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตลอดระยะเวลาดังกล่าวทางคณะผู้จัดทำโครงงานได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำในด้านต่างๆตลอดจนได้รับกำลังใจจากบุคคลหลายท่าน คณะผู้จัดทำตระหนักและซาบซึ้งในความกรุณาจากทุกๆท่านเป็นอย่างยิ่ง ณ โอกาสนี้ ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ดังนี้กราบขอบพระคุณอาจารย์ ยุภาพร สุขสาม ผู้ให้ความรู้ คำแนะนำ คอยดูแลในด้านต่างๆและสละเวลามาช่วยฝึกฝนเทคนิคในการทำโครงงานครั้งนี้ พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เสมอมากราบขอบพระคุณคระอาจารย์ทุกๆ ท่าน ที่คอยให้กำลังใจ และที่คอยเฝ้าดูการปฏิบัติงานของทางคณะผู้จัดทำเสมอมากราบขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี และท่านรองผู้อำนวยการโรงเรียนทั้ง 2 ท่าน ที่ให้ความอนุเคราะห์ คอยให้คำแนะนำและคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆขอขอบคุณทางโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการปฏิบัติโครงงานครั้งนี้ขอขอบคุณ เพื่อนๆ ที่ได้ให้ความร่วมมือในการทำโครงงานท้ายที่สุด ขอขอบคุณ ท่านผู้ปกครองทุกๆ ท่าน ผู้เป็นกำลังใจและให้โอกาสกับคณะผู้จัดทำได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติโครงงานเล่มนี้คณะผู้จัดทำบทที่ 1บทนำวัตถุประสงค์
1.เพื่อนำความรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน2.เพื่อพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ การนำไปใช้และการทำงานเป็นหมู่คณะ3.เพื่อพัฒนาไข่เค็มให้มีความหลากหลายของรสชาติมากขึ้น4.เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักปฏิบัติและขั้นตอนการทำไข่เค็มอย่างถูกวิธี5.เสริมสร้างรายได้ระหว่างเรียนและเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ6.เพื่อใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์7.เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์8.เพื่อนำความรู้ด้านเทคโนโลยีเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
หลักการ ปรัชญา และกรอบแนวคิด
1. การพึ่งพาตนเอง
เป็นการยึดหลักตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน
รู้จักนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ รู้จักผลิตพืชให้เพียงพอกับความต้องการในการบริโภคของครัวเรือนก่อนหลังจากนั้นจึงผลิตเพื่อการค้า
2. การพึ่งพากันเอง
จะให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มกันของชาวบ้าน เพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ
เช่น การเกษตรแบบผสมผสาน การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การแปรรูปอาหาร เป็นต้น
ในปัจจุบันมีการดำเนินงานเพื่อสร้างรายได้ตามนโยบาย “หนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์” เป็นการพัฒนาชุมชน
และพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง แนวทางการดำเนินชีวิต และการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ
ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ประกอบด้วย ความพอประมาณ
ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยมีเงื่อนไขพื้นฐาน คือ ความรู้ และคุณธรรม
ซึ่งนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่สมดุล ยั่งยืน
สามารถรับการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเป็นด้านเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น
โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา
และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย
และวิกฤต เพื่อความมั่นคง และความยั่งยืนของการพัฒนา
2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ทุกระดับ
โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ
กัน ดังนี้
(1) ความพอประมาณ (Moderation) มีสองนัย
คือ ความพอดี ไม่สุดโต่ง และการยืนได้บนขาของตนเอง (self-reliant) เป็นการดำเนินชีวิตอย่างทางสายกลาง โดยมีการกระทำไม่มากเกินไป
ไม่น้อยเกินไปในมิติต่างๆ เช่น การบริโภค การผลิตอยู่ในระดับสมดุล การใช้จ่าย
การออมอยู่ในระดับที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง
เป็นสิ่งที่ทำให้เราทำอะไรเต็มตามศักยภาพไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
เพื่อเป็นการยืนได้โดยลำแข้งของตนเอง
(2) ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายความว่า
การตัดสินใจเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆ ที่มีความพอประมาณในมิติต่าง ๆ
จะต้องมีสติรอบรู้คิดถึงระยะยาว ต้องมีเป้าหมาย และวิธีการที่เหมาะสม
มีความรู้ในการดำเนินการ มีการพิจารณาจากเหตุ ปัจจัยและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ต้องเป็นการมองระยะยาว ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบของการกระทำและความเสี่ยง
จะทำให้มีความพอประมาณ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ความมีเหตุผลในทางปรัชญานี้ความหมายและนัยยะต่างกับ
ความมีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ เพราะความมีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์
เป็นมโนทัศน์เพื่อการวิเคราะห์ ที่สมมติว่า
ผู้บริโภครู้ความพอใจของตนเองและมีพฤติกรรมการบริโภคที่มีความคงเส้นคงวา เช่น
ถ้าชอบส้มมากกว่าเงาะ และชอบเงาะมากกว่ามังคุด ก็จะชอบส้มมากกว่ามังคุดด้วย
นอกจากนี้ยังสมมติว่าผู้บริโภครู้วัตถุประสงค์ของตนเองและจะดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อจำกัดของงบประมาณ
มีความเข้าใจว่า เศรษฐศาสตร์ทำให้คนมีความโลภ
เพราะบอกว่าผู้บริโภคมีความต้องการไม่จำกัด
และความพอใจได้จากการบริโภคสินค้าเท่านั้น การสรุปเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก
เพราะความต้องการที่ไม่จำกัดนั้นเป็นการเปรียบเทียบกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
เป็นข้อสมมติแสดงถึงความขาดแคลน (Scarcity) ของทรัพยากร ทำให้ต้องมีการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
ส่วนการวิเคราะห์ที่สมมติให้ผู้บริโภคที่มีเหตุผลต้องการความพอใจสูงสุดจากการ
บริโภคสินค้าและบริการตามงบประมาณที่จำกัดนั้น
เป็นข้อสมมติเบื้องต้นเพื่อหาอุปสงค์ของการบริโภคสินค้านั้น
จึงต้องกำหนดความพอใจมากจากการบริโภคสินค้า
การวิเคราะห์นี้สามารถขยายไปถึงความพอใจของผู้บริโภคไม่ได้อยู่กับการบริโภคสินค้าและบริการ
แต่ขึ้นอยู่กับอย่างอื่นด้วย เช่น ความเท่าเทียมกันในสังคม สภาพแวดล้อมที่ดี
การเป็นที่ยอมรับในสังคม
นั้นคือวัตถุประสงค์ของผู้บริโภคจะเป็นการสร้างความพอใจที่ครอบคลุมมากกว่าการวิเคราะห์เบื้องต้น
(3) การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว (Self-immunity) พลวัตในมิติต่าง ๆ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในสภาวะต่าง ๆ อย่างรวดเร็วขึ้น
จึงต้องมีการเตรียมตัวพร้อมรับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง
ๆ การกระทำที่เรียกได้ว่าพอเพียงไม่คำนึงถึงเหตุการณ์และผลในปัจจุบัน
แต่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคต
ภายใต้ข้อจำกัดของข้อมูลที่มีอยู่
และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
และการมีภูมิคุ้มกันจะทำให้มีความพอเพียงแม้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
หรือมีเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดก็จะรับมือได้
4. เงื่อนไข การตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น
ต้องอาศัยความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
(1) เงื่อนไขความรู้ ได้แก่ มีความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง
ความรอบรู้ คือ มีความรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ในเรื่องต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อการใช้เป็นประโยชน์พื้นฐาน เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติอย่างพอเพียง
การมีความรอบรู้ย่อมทำให้มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้รวมถึง ความรอบคอบ
ความระมัดระวัง คือมีการวางแผน โดยสามารถที่จะนำความรู้และหลักวิชาต่าง ๆ
มาพิจารณาเชื่อมโยงสัมพันธ์กันและความมีสติ
ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ ในการนำแผนปฏิบัติที่ตั้งอยู่บนหลักวิชาต่าง
ๆ เหล่านั้นไปใช้
ในทางปฏิบัติโดยมีการปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมทั้งกายภาพและทางสังคมด้วย
(2) เงื่อนไขคุณธรรม
ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต
ซึ่งครอบคลุมคนทั้งชาติ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ นักธุรกิจ มีสองด้านคือ
ด้านจิตใจ/ปัญญา และด้านการกระทำ ในด้านแรกเป็นการเน้นความรู้คู่คุณธรรม
ตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความรอบรู้ที่เหมาะสม
ส่วนด้านการกระทำหรือแนวทางดำเนินชีวิต เน้นความอดทน ความเพียร สติปัญญา และความรอบคอบ
เงื่อนไขนี้จะทำให้การปฏิบัติตามเนื้อหาของความพอเพียงเป็นไปได้
ทำให้ตนเองไม่มีความโลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือสังคม
เพราะการมีความโลภจะทำให้ทำอะไรสุดโต่ง ไม่นึกถึงความเสี่ยง ไม่รู้จักพอ
มีโอกาสที่จะกระทำการทุจริต
5. แนวทางปฏิบัติ
/ ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุล
และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม
สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
การตลาด
ปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้
1.ช่องทางการจัดจำหน่าย จะจัดจำหน่ายที่ไหนถึงจะเหมาะสม
(ปลีก - ส่ง)
2.ราคาขั้นต่ำของ ไข่เค็ม
ที่ผู้บริโภคยอมรับได้คือเท่าใด
3.จะทำการตลาดแบบ Social marketing เป็นไปได้หรือไม่
การจำหน่ายภายในโรงเรียน
1.หากทำการผลิตเสร็จเราสามารถนำไปขายให้ร้านอาหารภายในโรงเรียนประกอบอาหารที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้
2.
สามารถทำการประกอบอาหารเพื่อขายเมื่อมีกิจกรรมที่สามารถทำได้
3.สามารถนำไปขายให้กับท่านอาจารย์ที่สนใจในผลิตภัณฑ์
การตลาดภายนอกโรงเรียน
1.สามารถนำเสนอขายกับผู้ปกครองของนักเรียนภายในโรงเรียนที่สนใจ
2.สามารถทำเป็นสินค้าที่ขายในตลาดออนไลน์ได้เพื่อความสะดวกแกผู้ที่สนใจแต่ไม่สามารถมารับผลิตภัณฑ์ได้ด้วยตนเอง
3.สามารถขายในพื้นที่ ตลาด
หรือชุมชนใกล้เคียงของบริเวณโรงเรียนได้
4.สามารถ.นำไปฝากขายในร้านของผู้ปกครองนักเรียนที่เปิดร้านขายของที่เป็นอาชีพภายในครอบครัวได้
ไข่เค็มบูรณาการกับอาเซียน
แผนการบูรณาการทางเศรษฐกิจ
ของอาเซียนไปสู่การประเมินประชาคมทางเศรษฐกิจอาเซียน
อาเซียนมุ่งการดำเนินการเปิดตลาดเดียว
และเป็นพื้นฐานทางการผลิตเสรีด้านการเคลื่อนย้ายสินค้า การบริการ การลงทุน เงินทุน
และแรงงานมีฝีมือ เป็นความพยายามบรรลุความร่วมมือโดยรวมมากขึ้น ก่อนหน้านั้น RIA ริเริ่มการบูรณาการของอาเซียน
และมีการพัฒนาศักยภาพการผลิต เพื่อบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ถ้าหากไข่เค็มของเรา มีรายได้ในตลาดและได้ทำงานกับร้าน OTOP ก็จะสามารถส่งออกไปขายกับประเทศอาเซียนได้
และได้ความรู้หลากหลายจากภาษา ภานในประเทศอาเซียน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฟิลิปปินส์
ภาษาเขมร โดยการทำป้ายชื่อปักไว้หน้ากระถางจะได้เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆแก่ผู้พบเห็น
ไข่เค็มสมุนไพรบูรณาการกับหลักสูตรสวนกุหลาบศึกษา
มาตรฐานการเรียนรู้
ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้
1.สำรวจสอบเพื่อให้ค้นพบความถนัดความสนใจและความสามารถของตนเอง
- คิดค้นสูตรเป็นของตนเอง
-นำไข่เค็มที่ได้ไปต่อยอด
-ได้รับความรู้ความสนใจในการทำไข่เค็มมากขึ้น
2.เสริมสร้างศักยภาพของตนเองทั้งด้านภูมิธรรม
ภูมิรู้ ภูมิปีญญา และภูมิคุ้มกันตามความสามารถ
- นำไข่เค็มที่ได้
ไปขายเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้ตนเอง
-เผยแพร่การทำไข่เค็มให้กับผู้ที่สนใจ
-มีความรู้ที่เต็มเปี่ยม
สามารถเพิ่มมูลค่าให้ไข่เค็มธรรมดา มีกลิ่นที่ต่างจากเดิม
3.แสดงภาวะผู้นำตามความถนัดความสนใจ
เพื่อเกียรติภูมิแห่งตนเองและสถาบันสวนกุหลาบ
-คิดค้นสูตรและเผยแพร่ให้คนที่สนใจ
-เด็กน้กเรียนรู้จักการพอเพียงและการประหยัด
การตรวจสอบพื้นที่
เขตพื้นที่รับผิดชอบมัธยมศึกษาปีที่
502
การวัดพื้นที่
ความกว้าง
60 เมตร
ความยาว 6 เมตร
อุปสรรคของเขตพื้นที่
1. ทางเดินเข้าเขตพื้นที่เป็นทางลาดชัน ซึ่งเป็นหินจำนวนมาก
ไม่สะดวกต่อการเดิน และ ไม่มีความปลอดภัย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
2..พื้นที่ต่างระดับ ไม่สะดวกต่อการทำเขตพื้นที่ และ
ทำให้สิ่งของที่วางไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
3. เกิดมลภาวะน้ำเน่าเสีย มีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมา
เนื่องจากแม่ครัวเทเศษอาหารลงในภาชนะจำนวนมาก
ทำให้เกิดการรั่วไหลของเศษอาหารมายังเขตพื้นที่ ทำให้เกิดเป็นน้ำเน่าเสีย
เกิดการกักขังอยู่บริเวณเขตพื้นที่
4. สิ่งของที่ชำรุดวางระเกะระกะ
อาจมีสิ่งมีชวิตที่มีพิษอาศัยอยู่ และ ทำให้พื้นที่ตรงบริเวณนั้นไม่เกิดประโยชน์
5. เขตพื้นที่กองขยะที่สะสมมานานและเกิดการเผาไหม้
ในกองขยะนั้นอาจมีสิ่งมีชีวิตที่มีพิษอาศัยอยู่
ทำให้ดินเกิดความเสียหายเนื่องจากอาจปลูกพืชชนิดต่างๆไม่ได้อีก
รูปอุปสรรคบริเวณเขตพื้นที่
การแก้ไขปัญหา
1. นำดินมาโถมบริเวณที่เป็นหิน แล้วจัดทำให้เป็นทางเดินเข้า-ออกได้สะดวก
2. มีการปรับหน้าดิน
โดยการขุดดินที่สูงมาโถมลงสู่ที่ต่ำจนทำให้มีระดับที่พอเหมาะ
3. มีการลอกคลองน้ำทำความสะอาด แล้วดูดน้ำเสียออก
โดยการใช้รถดูดน้ำเสีย
4. ให้สมาชิกในห้องช่วยกันย้ายสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
แล้วนำไปไว้ในที่ที่เหมาะสม
5. ทำการขนขยะที่เป็นอุปสรรคออก
โดยการให้สมาชิกในห้องช่วยกันขนออกไปบริเวณที่ทิ้งขยะโดยเฉพาะจากนั้นก็ทำการปรับหน้าดินตรงบริเวณที่จัดทำการขนขยะ
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
ตารางในการปฏิบัติงาน
โครงงาน
ไข่เค็มสมุนไพร
|
|||||||
ที่
|
หัวข้อการดำเนินงาน
|
ต.ค.-58
|
พ.ย.-58
|
ธ.ค.-58
|
ม.ค.-59
|
ก.พ.-59
|
|
1
|
นำเสนอหัวข้อโครงงาน
|
||||||
2
|
กำหนดวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
|
||||||
3
|
ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำไข่เค็ม
|
||||||
4
|
วางแผนการดำเนินงาน
|
||||||
5
|
แบ่งหน้าที่ในการทำโครงงาน
|
||||||
6
|
สำรวจเขตพื้นที่ในการเพาะปลุก
|
||||||
7
|
เตรียมพืชพันธุ์มาปลูก
|
||||||
8
|
จัดทำไข่เค็ม
|
||||||
9
|
เตรียมการจัดทำรูปเล่มฉบับร่าง
|
||||||
10
|
จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
|
ขั้นตอนการผลิตไข่เค็มสมุนไพร
กลิ่นใบเตย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
ไข่เป็ด ใบเตย เกลือ 1 ถ้วยตวงใหญ่ น้ำ 4 ถ้วยตวง (ถ้วยที่ใช้ตวงน้ำและเกลือควรเป็นถ้วยเดียวกัน)
หม้อ โหลที่จะใช้ในการดอง
ขั้นตอนและวิธีการทำ
1.ล้างไข่เป็ดให้สะอาด
แล้วนำไปพักไว้บนแผงไข่ให้แห้ง
2.ล้างใบเตยให้สะอาดแล้วหั่นใส่ลงไปในหม้อ
(หั่นไม่ต้องเล็กให้พอใส่หม้อได้)
2.ตวงเกลือและน้ำใส่ลงไปในหม้อที่เตรียมไว้
3.นำไปต้มทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที รอจนเดือดจึงยกออกมาพักให้เย็นตัวลง
4.ใส่ไข่เป็ดลงไปในโหลอย่างระมัดระวัง
5.เมื่อน้ำใบเตยเย็นตัวลงแล้ว
ก็นำมาใส่ในโหลที่เราได้ใส่ใข่เป็ดลงไปแล้วจึงปิดฝา
*หมายเหตุ :
ควรกดไข่ลงไปไม่ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ เพราะอาจจะเกิดการไม่ทั่วถึงของเกลือ
กลิ่นอัญชัน
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
ไข่เป็ด อัญชัน เกลือ 1 ถ้วยตวงใหญ่ น้ำ 4 ถ้วยตวง
(ถ้วยที่ใช้ตวงน้ำและเกลือควรเป็นถ้วยเดียวกัน) หม้อ โหลที่จะใช้ในการดอง
ขั้นตอนและวิธีการทำ
1.ล้างไข่เป็ดให้สะอาด
แล้วนำไปพักไว้บนแผงไข่ให้แห้ง
2.ใส่อัญชันลงไปตามต้องการ
ต้องเยอะพอที่จะทำให้ไข่ออกสีได้
3.ตวงเกลือและน้ำใส่ลงไปในหม้อที่เตรียมไว้
4.นำไปต้มทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที รอจนเดือดจึงยกออกมาพักให้เย็นตัวลง
5.ใส่ไข่เป็ดลงไปในโหลอย่างระมัดระวัง
6.เมื่อน้ำอัญชันเย็นตัวลงแล้ว
ก็นำมาใส่ในโหลที่เราได้ใส่ใข่เป็ดลงไปแล้วจึงปิดฝา
7.ทิ้งไว้ประมาณ 10-12
วันจึงจะสามารถนำไปต้มได้
*หมายเหตุ :
ควรกดไข่ลงไปไม่ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ เพราะอาจจะเกิดการไม่ทั่วถึงของเกลือ
กลิ่นกะเพรา
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
ไข่เป็ด กะเพรา พริกขี้หนู เกลือ 1 ถ้วยตวงใหญ่ น้ำ 4 ถ้วยตวง
(ถ้วยที่ใช้ตวงน้ำและเกลือควรเป็นถ้วยเดียวกัน) หม้อ โหลที่จะใช้ในการดอง
ขั้นตอนและวิธีการทำ
1.ล้างไข่เป็ดให้สะอาด
แล้วนำไปพักไว้บนแผงไข่ให้แห้ง
2.เด็ดใบกะเพราและใส่พริกลงไปในหม้อใช้มากพอที่จะทำให้เกิดกลิ่น
3.ตวงเกลือและน้ำใส่ลงไปในหม้อที่เตรียมไว้
4.นำไปต้มทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที รอจนเดือดจึงยกออกมาพักให้เย็นตัวลง
5.ใส่ไข่เป็ดลงไปในโหลอย่างระมัดระวัง
6.เมื่อน้ำกระเพราที่ได้เย็นตัวลงแล้ว
ก็นำมาใส่ในโหลที่เราได้ใส่ใข่เป็ดลงไปแล้วจึงปิดฝา
7.ทิ้งไว้ประมาณ 10-12
วันจึงจะสามารถนำไปต้มได้
*หมายเหตุ : ควรกดไข่ลงไปไม่ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ เพราะอาจจะเกิดการไม่ทั่วถึงของเกลือ
กลิ่นต้มยำ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
ไข่เป็ด ข่า ใบมะกรูด มะนาว หัวหอม พริกขี้หนู เกลือ 1 ถ้วยตวงใหญ่ น้ำ 4 ถ้วยตวง (ถ้วยที่ใช้ตวงน้ำและเกลือควรเป็นถ้วยเดียวกัน)
หม้อ โหลที่จะใช้ในการดอง
ขั้นตอนและวิธีการทำ
1.ล้างไข่เป็ดให้สะอาด
แล้วนำไปพักไว้บนแผงไข่ให้แห้ง
2.ทุบข่ากับหัวหอม
เด็ดใบมะกรูด หั่นมะนาวเป็นแว่นและพริก ใส่ลงไปในหม้อใช้มากพอที่จะทำให้เกิดกลิ่น
3.ตวงเกลือและน้ำใส่ลงไปในหม้อที่เตรียมไว้
4.นำไปต้มทิ้งไว้ประมาณ
20 นาที รอจนเดือดจึงยกออกมาพักให้เย็นตัวลง
5.ใส่ไข่เป็ดลงไปในโหลอย่างระมัดระวัง
6.เมื่อน้ำต้มยำที่ได้เย็นตัวลงแล้ว
ก็นำมาใส่ในโหลที่เราได้ใส่ใข่เป็ดลงไปแล้วจึงปิดฝา
7.ทิ้งไว้ประมาณ 10-12
วันจึงจะสามารถนำไปต้มได้
*หมายเหตุ : ควรกดไข่ลงไปไม่ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ เพราะอาจจะเกิดการไม่ทั่วถึงของเกลือ
ขั้นตอนในการต้ม
เมื่อไข่ดองตามที่กำหนดไว้แล้ว
ขั้นตอนในการต้มมีดังนี้
1.นำไข่ใส่หม้อ
แล้วจึงใส่น้ำให้พอประมาณ
2.ต้มทิ้งไว้
จับเวลาประมาณ 20 นาที นับหลังจากที่น้ำเดือด
3.เมื่อไข่สุกแล้วจึงนำมาวางเรียงบนแผงไข่ให้เป็นระเบียบเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
บทที่4
ผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงาน
ในการจัดทำโครงงานไข่เค็มสมุนไพร ผู้จัดทำโครงงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อนำความรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์
การนำไปใช้และการทำงานเป็นหมู่คณะ พัฒนาไข่เค็มให้มีความหลากหลายของรสชาติมากขึ้น
นักเรียนได้รู้จักปฏิบัติและขั้นตอนการทำไข่เค็มอย่างถูกวิธี เสริมสร้างรายได้ระหว่างเรียนและเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ ใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และ นำความรู้ด้านเทคโนโลยีเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ
จากการดำเนินงานดังกล่าว มีผลการดำเนินงานดังนี้
1.นำความรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
จากการดำเนินงานผู้จัดทำสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยนำเอาไข่เป็ดที่มีอยู่มาทำเป็นไข่เค็มสำหรับบริโภคในครัวเรือน
โดยทำให้ไข่มีลักษณะดิบสามารถนำมาทอดและต้มทานได้ นอกจากนี้ยังเก็บไว้ได้นาน
และสามารถนำมาประกอบอาหารได้โดยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ด้วย
2.พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์
การนำไปใช้และการทำงานเป็นหมู่คณะ
จากการดำเนินงานทำให้ผู้จัดทำมีการพัฒนาทักษะการคิด
โดยมีการคิดประยุกต์สูตรการทำเพื่อให้ไข่เค็มมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น
ทำให้เกิดสีสันที่น่าสนใจ การเพิ่มกลิ่นให้มีกลิ่นหอมของสมุนไพร เป็นต้น
เกิดการวิเคราะห์อัตราส่วนของสมุนไพรและเกลือในการดัดแปลงสูตรใหม่ให้เหมาะสม
และทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะผู้จัดทำอีกด้วย
3.พัฒนาไข่เค็มให้มีความหลากหลายของรสชาติมากขึ้น
มีการทดลองดัดแปลงจากไข่เค็มธรรมดาให้มีสีสันที่น่าสนใจ
และมีรสชาติที่เค็มกำลังดีสามารถรับประทานเป็นของว่าง
หรือนำไปประกอบอาหารได้อย่างเหมาะสม
4.นักเรียนได้รู้จักปฏิบัติและขั้นตอนการทำไข่เค็มอย่างถูกวิธี
คณะผู้จัดทำรู้และเข้าใจวิธีการทำไข่เค็มอย่างถูกต้อง
และเกิดการพัฒนาทักษะจากการลงมือทำด้วยตนเอง
และการลองผิดลองถูก
5.เสริมสร้างรายได้ระหว่างเรียนและเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ
มีการจัดจำหน่ายในงานนิทรรศการและงานวิชาการต่างๆที่จัดขึ้นภายในโรงเรียน
และนำเงินที่ขายได้มาเก็บไว้เป็นเงินฝากประจำของห้องเรียนเพื่อสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันของห้องเรียน
6.ใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
มีการใช้พื้นที่เขตรับผิดชอบในการปลูกผักและสมุนไพรที่ใช้ในการทำไข่เค็มรสต่างๆ
และมีการแบ่งเวณการรับผิดชอบในการทำความสะอาดพื้นที่
ดูและแปลงผักที่ปลุก ในแต่ละวัน
แบบประเมินคุณภาพไข่เค็มสมุนไพร
คุณภาพที่ประเมิน
|
เกณฑ์การประเมิน
|
|||
ดีมาก
|
ดี
|
พอใช้
|
ควรปรับปรุง
|
|
รสชาติโดยรวม
|
||||
ความเค็มของไข่ขาว
|
||||
ความเค็มของไข่แดง
|
||||
กลิ่นของสมุนไพร
|
ผลการการประเมิน
จาการทำแบบสอบถามของผู้ทดสอบสามารถสรุปผลได้ดังนี้
-รสชาติโดยรวมของไข่เค็ม
จากผู้ทดสอบ 20 คน ร้อยละ 50% บอกว่ารสชาติดี
และอีก 50% บอกว่าพอใช้
-ความเค็มของไข่ขาว จากผู้ทดสอบ 20 คน ร้อยละ 40% บอกว่ารสชาติพอใช้
และอีก 60% บอกว่าควรปรับปรุง
-ความเค็มของไข่แดง จากผู้ทดสอบ 20 คน ร้อยละ 100% บอกว่าควรปรับปรุง
-กลิ่นของสมุนไพร
จากผู้ทดสอบ 20 คน ร้อยละ 40% บอกว่ารสชาติพอใช้ และอีก 60% บอกว่าควรปรับปรุง
บทที่5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
จาการดำเนินงานสามารถสรุปได้ว่า
ไข่เค็มสมุนไพรมีรสชาติที่เค็มกำลังพอดี
มีกลิ่นสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำ
และสามารถวางจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจซื้อได้
มีการพัฒนาปรับสูตรเพื่อให้ได้ไข่เค็มที่มีรสชาติและกลิ่นที่หลากหลาย
จากการทำแบบทดสอบผู้ที่ได้ลองชิมพบว่า ผู้ทดสอบให้ความเห็นว่า
ไข่เค็มที่ทำขึ้นมีรสชาติที่ไม่เค็มมากสามารถทานเล่นได้
ซึ่งจะแตกต่างจากไข่เค็มที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
และมีความคิดเห็นว่าสามรถนำไปฝากแผงขายตามท้องตลาดได้ด้วย
ข้อเสนอแนะ
1.ควรพัฒนาในเรื่องของกลิ่นสมุนไพรให้มีกลิ่นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
2.ควรพัฒนาในเรื่องความเค็มของไข่แดงและไข่ขาวให้มีรสชาติเค็มมากขึ้น
ภาคผนวก
-เนื้อหาข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้า
-ตารางปฎิบัติงาน
-รุปภาพที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง
-รูปภาพเขตพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบ
-แบบประเมินคุณภาพ
รูปภาพเขตพื้นที่รับผิดชอบที่ใช้ในการทำโครงงาน
รูปภาพผักสมุนไพรที่ปลูกในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
The casino - Dr.MCD
ตอบลบThe casino. Casino. 순천 출장안마 Hotel and Spa. Casino in the city 경주 출장마사지 of Bristol. 이천 출장마사지 The only one 익산 출장샵 that offers the latest casino games. The best selection of slot 거제 출장안마 machines.